ศ า ส น า


ไม่ง่ายอย่างที่คิด

"เดี๋ยวนี้กางเขนครองเมืองแล้วนะ เพื่อนผมคนนั้น พูดเปรียบขึ้นมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย

"หมายความว่ายังไง?" ผมจ้องหน้าพักใหญ่ ก่อนจะถามออกไป

"ก็ไม่เห็นหรือไง คนแขวนกางเขนกันเกลื่อน" เพื่อนตอบอย่างประหยัดคำพูดตามเคย

"นึกว่าอะไร…ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก" ผมตอบเป็นเพลงตามวัยรุ่น

"ไม่คิดมากหรอก แค่คิดว่าคนแขวนกางเขนคนไหนเป็นคริสต์ คนไหนแขวนเป็นแฟชั่น มันไม่เหมือนก่อนนี้ ก่อนนี้เห็นใครแขวนกางเขนถามได้เลยว่ามาจากวัดไหน แต่เดี๋ยวนี้เห็นแล้วได้แต่ถามว่า ซื้อหามาจากไหน" เพื่อนขยายความ แถมถอนหายใจประกอบ

"มันเรื่องของความนิยม เดี๋ยวก็เลิกกันไปเอง หัดเป็นวัยรุ่นซะบ้าง" ผมไม่อยากเห็นเพื่อนเครียด หน้าตาดูน่าสงสารพิกล

"ใช่ แต่กว่าจะเลิก กางเขนก็หมดความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว" เพื่อนดูจะจริงจังเอามาก

"จะหมดได้ยังไง กางเขนก็ยังเป็นกางเขนอยู่นั่นแหละ" ผมพยายามจับแนวคิดของเพื่อน

"ก่อนนี้ศักดิ์สิทธิ์แขวนไว้ป้องกันผีป้องกันภัยสารพัด เดี๋ยวนี้เป็นแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่ง" เพื่อนพูดต่อ น้ำเสียงแฝงอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

"ความศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่ในสิ่งที่แขวน แต่อยู่ที่ใจคนแขวนต่างหาก ฝรั่งเขายังพูดกันเลยว่า ชุดฤาษีไม่ทำให้คนสวมเป็นฤาษีเสมอไปหรอก หรือพูดให้ทันสมัยแบบไทย ๆ เครื่องแบบตำรวจไม่ได้ทำให้คนแต่งเป็นตำรวจเสมอไปว่ามั๊ย" ผมอ้างอิงให้เห็นภาพพจน์

"แต่ยังไงก็ยอมรับไม่ได้อยู่ดีของเคยเคารพเคยบูชาเคยเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของเรา" เพื่อนพูดเสียงอ่อย แต่ไม่มีท่าจำนวนต่อเหตุผล ตามเคย

มันคงจะยากที่จะให้เหตุผลเพื่อนผมว่า มันหมดสมัยแล้วที่เอาสิ่งภายนอกมาชี้บอกความ เป็นคริสตชน เพราะความเป็นคริสตชนต้องบ่งบออกออกมาด้วยชีวิต

มันง่ายที่จะหยิบยกเอาสัญลักษณ์บางอย่างมาแทนสิ่งที่ควรเป็น เพราะการเป็นนั้น ยากเหมือนคนเอาสัญลักษณ์หรือสิ่งของมาแทนความรัก อย่างที่ทำให้เห็นกันบ่อย ๆ รักด้วยสิ่งของมันง่าย แต่รักด้วยชีวิตนั้นยาก ทว่า นั่นคือรักแท้ Christians are not born, but made.

ผมไม่ได้ตั้งใจเขียนเพื่ออวดอ้างภาษา แต่เห็นว่ารัดกุม ชัดเจน คริสตชนไม่ใช่เกิดมาเป็น แต่ต้องพยายามเป็น พยายามสร้างขึ้นมาด้วยชีวิต

แม้จะเกิดมาในครอบครัวคริสตัง แต่ชีวิตไม่สอดคล้องกับการเป็นคริสตัง คุณก็ยังไม่ได้เป็นอยู่ดี แม้จะรับศีลล้างบาป แต่ไม่ปฏิบัติตนเป็นคริสตชน คุณก็ยังไม่ได้เป็นเหมือนกัน

แม้เข้าวัดเข้าวา แต่พฤติกรรมตรงข้ามกับคำสอนของพระเยซูเจ้า คุณก็ยังไม่เป็นอีกนั่นแหละ แม้จะอยู่กับวัดกับวา ก็ใช่ว่าจะเป็นจริงแท้

ในเมื่อหนูที่ทำรังอยู่ในโบสถ์ใช่ว่าจะเป็นหนูคริสต์ก็เปล่า คริสตังแต่ชื่อ จึงมีให้เห็นทั่วไปหมด เพราะเหมาเอากันเองว่าเป็นคริสตังนั้นง่าย บางคนเลยเป็นคริสตังเพียงแค่สองเวลา เวลาเกิดกับเวลาตาย

ถ้าเพื่อนผมเข้าใจว่า การเป็นคริสตังต้องสร้างขึ้นมาวันแล้ววันเล่า ด้วยการกระทำและพฤติกรรมแต่ละอย่างแต่ละอัน ก็คงเลิกกังวลเรื่องกางเขนไปนานแล้ว และแม้ไม่ได้แขวนกางเขน

คนที่เข้ามาพบปะติดต่อด้วย ก็ยังสามารถพูดได้อย่างไม่ผิดพลาดว่า คุณเป็นคริสตังแน่เพราะสิ่งที่คุณพูด คุณทำ คุณประพฤติ ตรงกับคำสอนของพระเยซูเจ้าอย่างไม่ผิดเพี้ยน

ต่อให้แฟชั่นไหนก็ไม่อาจจะลอกเลียนแบบได้เด็ดขาด

(อุดมศานต์ : คุยกันเจ็ดวันหน โดย บ.สันติสุข)

Go Top
Back to Home Page