ศ า ส น า


คนคริสต์ ฯ วันอาทิตย์ต้องไปโบสถ์

"คนคริสต์ ฯ วันอาทิตย์ต้องไปโบสถ์ " เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเรา

เรื่องการไปวัดในวันอาทิตย์ ถือว่าเป็นบัญญัติสำคัญข้อหนึ่งของศาสนาคริสต์ คาทอลิก และตามที่เข้าใจกันก็หมายถึงวันอาทิตย์ และวันฉลองสำคัญที่กำหนดไว้ ถือเป็นวันบังคับ

ในบางแห่งวันอาทิตย์ไม่สะดวก พระสังฆราชท้องถิ่นก็อาจจะกำหนดให้เป็นวันอื่นก็เคยมีเหมือนกัน เช่นประเทศที่ส่วนใหญ่เขาถือเอาวันศุกร์เป็นวันหยุดทางการของศาสนาและวันอาทิตย์เป็นวันทำงาน

ในสภาพแวดล้อมอย่างนั้น พระสังฆราชก็อาจจะขออนุมัติจากทางผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบอีกที่หนึ่ง ใช้วันอื่นแทนก็ได้ และก็มีแล้วเช่นในประเทศที่ถือศาสนอิสลามเป็นส่วนใหญ่

มาในปัจจุบันนี้ สิ่งหนึ่งทั่วไปมักจะถามกันอยู่เสมอและพูดกันแบบสับสนคือ ถ้าหากวันอาทิตย์ติดธุระ มาวันเสาร์แทนได้ไหม ถ้ามาวันเสาร์แล้วแทนวันอาทิตย์ได้ไหมและถ้าไม่มาจะเป็นบาปไหม ฯลฯ

หากไปวัน แล้ววัดไไหนที่แทนวันอาทิตย์ได้ เรียกว่า " คาทอลิกเจ้าปัญหา " แน่ะ ว่าเข้าไปนั่นเลย

ดังนั้นเห็นทีจะต้อง ขอพูดถึงเรื่องนี้สักครั้ง

สมัยนี้ ตามกฎหมายพระศาสนจักรสมัยปัจจุบัน " ถือว่าวันอาทิตย์นั้นเริ่มต้นตั้งแต่เย็นวันเสาร์แล้ว เมื่อไปวัดในวันเสาร์เย็นนั้นก็ถือเป็นการไปร่วมมิสซาวันอาทิตย์แล้ว ดังนั้น การที่สุตบุรุษมาวัดในเย็นวันเสาร์ ก็ถือว่าเป็นการมาวัดในวันอาทิตย์ด้วย "

หลาย ๆ วันก็ได้ทำอยู่บ้างแล้ว ส่วนบางวัดไม่เคยมีมิสซาเย็นวันเสาร์ อาจจะเพราะไม่มีพระสงฆ์ประจำเพราะสัตบุรุษไม่มากนัก และในวันอาทิตย์ก็สะดวกแล้ว และบางแห่งวันอาทิตย์ก็มีหลายมิสซาก็ สะดวกดี

สำหรับบทอ่านในมิสซาวันอาทิตย์นั้น โดยทั่วไปพระสงฆ์ก็จะเอาบทอ่านในอาทิตย์นั้นมาใช้ในมิสซาเย็นวันเสาร์แล้ว และในเรื่องนี้ไม่จำกัดว่าวัดไหน เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป

แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องเข้าใจเสมอคือ เรามิได้ไปวัดเพราะกลัวว่า ถ้าไม่ไปจะเป็นบาป เมื่อเป็นบาปจะโดนลงโทษ

แต่เราไปเพราะเราจะได้ไปร่วมกันขอบพระคุณพระเป็นเจ้าพร้อมกันกับพี่น้องคนอื่น ๆ เป็น ครอบครัวเดียวกัน และเราไปเราสำนึกว่า พระเป็นเจ้าทรงรักเรา ทรงให้ชีวิตแก่เรามาในโลกนี้ ชีวิตมาจากพระเจ้าและเรามีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า และสักวันหนึ่งจะกลับไปหาพระเป็นเจ้า

การมาวัดเป็นโอกาสที่เราจะแสดงความรัก ความกตัญญูต่อพระร่วมกันในการสวดภาวนา ร้องเพลง ฯลฯ เพราะพระศาสนจักรเป็นเสมือน ครอบครัวเดียวกัน

การเป็นคริสตชนมิใช่อยู่ที่การมาวัด รับศีลล้างบาปเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ การเป็นคริสตชนนั้นเป็นชีวิตทั้งชีวิต หมายถึงกิจการงาน ความรู้ลึกนึกคิดของเราทั้งครบ

เราจะเห็นศาสนาคริสต์ที่แห้จริงดูที่ชีวิตของคริสตชนจริง ๆ มิใช่เพียงแค่วัด หรือไม้กางเขน เพราะเราเป็นลูก พระเป็นเจ้าบิดาของเรา เหมือนอย่างที่เราสวดบท "ข้าแต่พระบิดาช้าพเจ้าทั้งหลาย "

วัดซึ่งเป็นศูนย์รวมของสังคม ของชีวิตคนเรา เพราะเรายึดคุณค่าทางด้านจิตใจกันมาก แต่มาบัดนี้ "ห้างสรรพสินค้า" หรือสถานที่อื่น ๆ กำลังดึงดูดคนให้ห่างวัดออกไป

สมัยนี้หลายคนจึงไป " วัด (ถุ)" และ "สวดคน" ละบทกับสมัยก่อน

หมายเหตุอุดมสาร

Go Top
Back to Home Page