คนบางแสน

 

ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์


ก้าวที่ 33 : กำแพงตะวันตก


วันพุธที่ 18 เมษายน 2007 เวลา 14.00 น. หลังจากเสร็จพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณแล้ว เราออกจากวัดพระกุมารบังเกิด และรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารเต๊นท์ที่ทุ่งคนเลี้ยงแกะแล้ว


เราเดินทางกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อชมกำแพงตะวันตก หรือกำแพงร้องไห้ (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)

   
จากที่จอดรถ เรา เดินเข้าในกำแพงเมืองทางประตูขยะ (Dung Gate) ที่อยู่ทางทิศใต้ ที่ได้ชื่อประตูขยะเพราะ ในปี ค.ศ. 132 จักรพรรดิเอเดรียน เข้ามาปราบกบฎชาวยิว และสร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ มีการสร้างสักการสถานบูชาเทพเจ้าโรมันบนซากวัดและธรรมสถานของชาวคริสต์และชาวยิว อีกทั้งห้ามชาวยิวเข้ามาในเมืองเด็ดขาด ชาวยิวโกรธแค้นมาก จึงเอาขยะมาทิ้งที่หน้าประตูนี้

 
Jerico ระหว่างทางก็เก็บภาพไว้เป็นความทรงจำ

   
Jerico สุเหล่าเอลซัคซา


  กำแพงตะวันตก (Western Wall) เป็นกำแพงสูงใหญ่ด้านทิศตะวันตกของเนินพระวิหาร หรือภูเขาโมรียาห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโดมครอบหิน (Dome of the Rock) ที่เป็นสุเหร่ามุสลิม


กำแพงตะวันตกน่าจะเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของชาวยิวในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของการที่คนอิสราเอลได้หวนกลับคืนมาสู่แผ่นดินพันธสัญญา เป็นสักการสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของคนยิว และเป็นที่นมัสการและอธิษฐานภาวนาสำหรับคนทั่วไป กำแพงนี้จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall)


กำแพงนี้เป็นส่วนที่คงเหลือจากกำแพงพระวิหารหลังที่สอง ที่สร้างเริ่มขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ. ในปีที่ 37 ก่อน ค.ศ. เฮรอดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชายิว พระองค์ได้ปรับปรุงกรุงเยรูซาเล็มให้สวยงาม และสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ให้ใหญ่โตและสวยงามกว่าพระวิหารของกษัตริย์โซโลมอน เพื่อเป็นการเอาใจชาวยิว  นี่คือพระวิหารที่พระเยซุเจ้ารู้จัก

 
มาถึงแล้ว


ปี ค.ศ. 70 กรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารถูกจักรพรรดิตีตัสทำลายหมดสิ้น คงเหลือไว้แต่กำแพงล้อมพระวิหารที่สร้างด้วยก้อนหินขนาดใหญ่มาก เราจึงได้เห็นก้อนหินที่มีอายุสองพันกว่าปีที่นี่

 
หลังสงครามปลดปลอยอิสราเอล ชาวยิวประกาศตั้งรัฐอิสราเอล ในปี ค.ศ. 1948 โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง แต่ส่วนที่เป็นเมืองเก่าอยู่ในเขตยึดครองของประเทศจอร์แดน ชาวยิวถูกห้ามเข้ามาที่กำแพงตะวันตก จนกระทั่งอิสราเอลชนะสงคราม 6 วัน กับประเทศอาหรับ และได้ปกครองเยรูซาเล็มทั้งหมด ชาวยิวจึงเข้ามาที่กำแพงตะวันตกเพื่อนมัสการและสวดภาวนาได้ตามปกติ

 
ตรงนี้เป็นลานกว้างใหญ่ และจะมีแนวกั้นแบ่งแยก ตามธรรมเนียมของชาวยิว หญิง ชายจะภาวนาแยกจากกัน
สำหรับผู้ชายที่เข้าไปสวด ก็จะต้องสวมหมวกสีขาว ครอบแปะศีรษะด้วย

    
ผู้แสวงบุญจากทั่วทุกมุมโลก จะมาที่นี่เพื่อนมัสการและสวดภาวนา มีหลายคนที่จะเขียนคำอธิษฐานภาวนาลงในกระดาษชิ้นเล็กๆ และพับสอดเข้าไประหว่างก้อนหินก้อนใหญ่ๆ ของกำแพง

 
พระสันตะปาปายอห์นปอล ที่ 2 ก็ได้ปฏิบัติเช่นกัน เมื่อเสด็จเยี่ยมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ในปี ค.ศ. 2000

      
ทางซ้ายมือของกำแพงมีอุโมงค์ ลึกเข้าไปข้างใน เป็นคล้ายศาลาธรรม มีตู้เก็บพระคัมภีร์ มีที่ยืน ที่นั่งอ่านพระคัมภีร์ ที่นี่จะได้เห็นวิธีการสวดและอ่านพระคัมภีร์ของยิวขนานแท้ ที่จะต้องออกเสียงและผงกศีรษะเข้าจังหวะด้วย

 
ลาก่อนน้องสาว . . . ลาก่อนคุณยาย

เชิญพบคุณแดง ตอนที่ 33


Back to Mainpage