คนบางแสน

 

ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์


ก้าวที่ 35 : ห้องชั้นบน หรือ ห้องอาหารค่ำมื้อสุดท้าย


  พระเยซูเจ้าตรัสใช้เปโตรและยอห์นว่า  “จงไปจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาให้เราเถิด .......
เมื่อท่านเข้าไปในกรุง ชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่จะมาพบท่าน ....
เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบน มีพรมปูไว้ จงจัดเตรียมปัสกาที่นั่น” (ลก. 22 : 8 – 12)

  ห้องชั้นบน (Cenacle หรือ Caenaculum) คือ ห้องที่พระเยซูเจ้าจัดเลี้ยงเตรียมปัสกา ที่เป็นอาหารมื้อสุดท้าย ก่อนถูกจับไปตรึงกางเขน


 นอกจากนี้ ยังเป็นห้องที่บรรดาสานุศิษย์ชุมนุมกันภายหลังพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว ตามคำบอกเล่าของยอห์น พระเยซูเจ้าประจักษ์มาหาเขา 2 ครั้ง ครั้งแรกขณะที่โทมัสไม่อยู่ และอีกครั้งหนึ่งที่โทมัสได้เอานิ้วแหย่รอยแผลที่สีข้าง เพื่อคลายข้อสงสัย (ยน 20:19-29)


 คงจะเป็นห้องนี้ที่บรรดาสานุศิษย์ชุมนุมกันเพื่อเลือกอัครสาวกแทนยูดาส
และหลังจากนั้นก็เป็นวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมาในวันเปนเตกอสเต


 สถานที่เลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายอยู่บนเขาศิโยน ไม่ไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม
จากประตูศิโยนที่มีรอยกระสุนการรบเมื่อปี ค.ศ. 1948


   เดินมาตามถนนสายหลักที่ขึ้นมาบนเขาศิโยน (คลิกดูภาพขนาดใหญ่)


 
 ผ่านตึกโบราณ


    เข้าประตูมาก็จะเป็นลาน ทางขวามือที่เป็นกำแพงอิฐคือวัดแม่พระนิทรา


    มีทางเข้าอาคาร ห้องอาหารค่ำมื้อสุดท้ายอยู่ชั้นบนทางซ้าย ที่เห็นเป็นหน้าต่าง 2 บาน


 จากการขุดค้นศึกษา พบว่าใต้อาคารที่เป็นสถานที่เลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย เป็นซากที่มีอายุในศตวรรษเรกๆ และจากการบอกเล่าสืบต่อมา เชื่อว่า ในยุคสมัยไบเซนไทน์ มีการสร้างวัดหลังใหญ่ขึ้น ตรงจุดที่เป็นสถานที่เลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ชื่อว่า วัดศิโยนศักดิ์สิทธิ์ ( Holy Zion) ถือว่าเป็นวัดสำคัญที่สุดวัดหนึ่ง แต่ถูกทำลายโดยพวกเปอร์เซีย


 ต่อมาในยุคครูเสด ( ศตวรรษ ที่ 12) ได้มีการสร้างวัดขนาดใหญ่ ชื่อว่า วัดแม่พระแห่งภูเขาศิโยน ( Church of St. Mary of Mt. Zion) บนตำแหน่งวัดเดิมสมัยไบเซนไทน์  ห้องอาหารค่ำมื้อสุดท้ายนี้เป็ส่วนหนึ่งของวัด หลังจากพวกครูเสดหมดอำนาจ อาคารก็ถูกปล่อยร้างและทรุดโทรม
 ในช่วงศตวรรษที่ 14 นักบวชคณะฟรังซิสกันเข้ามาซ่อมแซมและใช้เป็นอาราม จนถึงปี 1552 ในช่วงที่เติร์กออตโตมานมายึดครอง มุสลิมได้เปลี่ยนเป็นสุเหร่า จนกระทั่งเกิดสงครามปลดปล่อยปี 1948 จึงได้กลับมาเป็นของ นักบวชคณะฟรังซิสกันอีกครั้ง


เข้าไปขข้างในก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นเป็นห้องโล่งๆ มิได้แปลงสภาพไปจากเดิม ไม่มีอะไรตกแต่งเลยก็ว่าได้  เสาเป็นแบบโกธิกโรมัน หลังคาทรงโค้ง ตามแบบครูเสด


 ผนังทางทิศตะวันออก มีร่องรอยคล้ายเป็นแท่นสวดมนต์ของอิสลาม


 มีหน้าต่างบานหนึ่งเป็นกระจกสีสไตล์ออตโตมาน ที่เป็นลักษณะของสุเหล่า และมีอักษรอาหรับยังหลงเลือให้เห็นด้วย

 
 จุดสนใจในห้องนี้คงจะเป็นต้นโอลีฟ ( มะกอกเทศ)  ทำด้วยทองคำ วางอยู่บนแท่น


 ทางทิศตะวันใต้ มีบันไดไปสู่ชั้นล่างที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์ดาวิด และบรรดาเชื้อพระวงศ์ แต่ไม่เปิดใช้งาน ต้องออกไปเข้าจากข้างนอก


 เมื่อครั้งเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธ์ ปี ค.ศ. 2000

เชิญพบคุณแดง ตอนที่ 35


Back to Mainpage