ก้าวที่
40 : วัดพระมหาทรมาน
วันพฤห้สบดีที่ 19 เมษายน 2007 วันสุดท้ายของโปรแกรมแสวงบุญ ณ แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์
หลังอาหารเช้า จัดกระเป๋าขึ้นรถ เช็คเอาท์ทันที
บ๊าย บาย โรงแรมแกรนด์ คอร์ท
เวลา 08.15 น. รถพาเราเลียบกำแพงเมืองเก่า จุดแสวงบุญเช้านี้คือ สวนเกทเสมนี ไม่นานก็นำเรามาปล่อยหน้าวัดพระมหาทรมาน
สวนเกทเสมนี (Gethsemane ) เป็นสวนอยู่ที่ตีนเขามะกอกเทศ อยู่เหนือหุบเขาขีดโรนขึ้นมาทางทิศตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม
ปกคลุมไปด้วยต้นมะกอกเทศ (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)
พระเยซูเจ้ารู้จักสวนแห่งนี้ดี เพราะพระองค์จะไปพบกับบรรดาสานุศิษย์ที่นี่บ่อยๆ
(ยน.18: 2, ลก.22: 39) หลังอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระองค์เสด็จมาที่สวนเกทเสมนีพร้อมกับสานุศิษย์ พระองค์ใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายสวดภาวนาด้วยความเศร้าโศกทรมาน
ก่อนที่จะถูกจับและนำไปประหารชีวิต จากการทรยศของยูดาส อิสการิโอท ศิษย์ทรยศ
พระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ ถึงสถานที่แห่งหนึ่งชื่อ เกทเสมนี
พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงนั่งอยู่ที่นี่ ขณะที่เราไปอธิษฐานภาวนา" (มก 14:32)
สวนเกทเสมนีเป็นสถานที่ๆ ผู้แสวงบุญต้องไปเยือนเคารพอีกแห่งหนึ่ง
ณ ที่แห่งนี้มีวัดที่สวยงามมาก ชื่อว่า วัดพระมหาทรมาน (Basilica of Agony) เป็นวัดคาทอลิกของคณะนักบวชฟรังซิสกัน
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดเกทเสมนี (Gethsemane Basilica) จัดว่าเป็นวัดที่สวยงามที่สุดวัดหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็ม
วัดในระยะไกล มองจากทางทิศตะวันตก เห็นหลังคาวัดเป็นลูกโดมกลมสีเทา 12 ลูก มีสวนมะกอกเทศอยู่ติดวัดทางซ้ายของรูป
ณ ตรงที่นี้ ชาวไบเซ็นไทน์ได้สร้างวัดหลังแรกในปี ค.ศ. 379 ครอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูเจ้าทรงภาวนาอย่างระทมทุกข์ในสวนมะกอกเทศ
ต่อมาได้ถูกชาวเปอร์เซียทำลายในปี ค.ศ. 614 ในศตวรรษที่ 12 พวกครูเสดได้สร้างวัดขึ้นใหม่
จากการขุดค้นพบซากวัดเก่าที่ใหญ่มาก ตรงนี้ที่ถูกพวกเติร์กทำลาย
ในปี ค.ศ. 1919 จึงได้มีการสร้างวัดปัจจุบันขึ้น โดยคริสตชนจากชาติต่างๆ 16 ประเทศ
วัดนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดนานาชาติ (Church of All Nations) วัดนี้ออกแบบโดย บาร์ลุซซี (Antonio Barluzzi) สถาปนิกชื่อดังชาวอิตาเลียน ที่ออกแบบวัดมหาบุญลาภ และวัดพระเยซูเจ้ากรรแสง
วัดตั้งอยู่หัวมุมตัดกันของถนน 3 สาย สายหนึ่งเข้าเมืองเก่าทางประตูสิงโต
ถนนสายหนึ่งขึ้นเขามะกอกเทศและอีกสายหนึ่งไปเมืองเยริโค
วัดอยู่ติดถนนเลียบห้วยขีดโรน หน้าวัดหันไปทางกรุงเยรูซาเลม
ด้านหน้าวัด มีประตูโค้ง 3 ประตู บนยอดเสาข้างประตู มีรูปปั้นของนักบุญผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่องค์ ถือพระวรสารในมือ บนหน้าจั่วเหนือขึ้นไป เป็นภาพหินโมเสคใหญ่มาก เป็นภาพพระเยซูเจ้าคุกเข่าภาวนาต่อพระบิดา ตรงภาพพระบิดา มีตัวอักษรกรีกตัวแรกและตัวสุดท้าย คือ อัลฟาและโอเมกา "พระผู้ทรงสรรพานุภาพตรัสว่า เราเป็นอัลฟาและโอเมก้า" (วว 1:8)
ใต้ภาพหินโมเสค มีข้อความภาษาลาติน ". . . Cum clamore valido et laclymis . . . " เป็นข้อความในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู ขณะที่พระองค์ทรงพระขนม์ชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอ คร่ำครวญ และร่ำไห้ต่อพระเจ้า ผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ พระเจ้าทรงสดับฟังในสิ่งที่พระองค์กลัว (ฮีบรู 5:7)
ภายในวัด
สวยงามมาก ใช่ไหม คุณพ่อปู
ด้านหลังพระแท่นกลาง บนผนังโค้ง มีภาพวาด พระเยซูเจ้าสวดภาวนาตามลำพังด้วยความโศกเศร้าบนหินก้อนนั้น รอบๆ มีต้นมะกอกเทศ และศิษย์ 3 คน อยู่ห่างออกไป (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)
ซ้ายมือทางทิศเหนือของพระแท่น
มีภาพวาดยูดาสกำลังจูบพระเยซูเจ้า มีสมณะและทหารทางขวา ทางซ้ายมีเปโตร ยอห์น และยอกอบ
ขวามือทางทิศใต้ของพระแท่น "ท่านมาหาใคร"
หน้าพระแท่น
บนพื้นหน้าพระแท่น มีหินแบนก้อนใหญ่
เชื่อกันว่าเป็นหินที่พระเยซูเจ้าคุกเข่าสวดภาวนาในสวนมะกอกเทศนี้ คุณพ่อโกและคุณพ่อเบี้ยว
ใต้โดมหลังคา เหนือพระแท่น
ใต้โดม 12 โดม จะเห็นสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ ที่สนับสนุนเงินสร้างวัด
เชิญพบคุณแดง
ตอนที่ 40
|