ก้าวที่
50 : วัดนักบุญอันนาและสระน้ำเบเธสดา
วันพฤหัสที่ 19 เม.ย. 2550 เวลา 10.00 น. หลังจากเสร็จมิสซาในถ้ำเกทเสมานีแล้ว จุดหมายสำคัญคือ เดินทางเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเดินตามเส้นทางมหาทรมานหรือมรรคาศักดิ์สิทธิ์ จากจวนปีลาตจนถึงเนินกัลวาลีโอ
รถนำเรามาปล่อยหน้า ประตูสิงโต (Lion Gate) ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของกรุงเก่า
ประตูสิงโตสร้างในปี 1538 โดยสุลต่านสุไลมาน เหนือซุ้มประตู มีรูปแกะสลักสิงโต 2 คู่
ประตูนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ประตูสตีเฟน (Stephen Gate) เนื่องจากนักบุญสตีเฟน มรณสักขีองค์แรกถูกหินทุ่มตายที่นี่
ประตูสิงโต มองย้อนกลับไปทางภูเขามะกอกเทศ
มองเห็นโดมสีทองของวัดนักบุญมารย์ มักดาเลนา
พอเข้าพ้นประตูมานิดเดียว ทางขวามือเป็นวัดเก่าหลังใหญ่ สร้างโดยพวกครูเสด ราวปี ค.ศ. 1130
(คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)
วัดนี้สร้างในรูปแบบทรงโรมัน จัดว่าเป็นวัดยุคครูเสดที่สวยงามที่สุดในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์
ชื่อวัดนักบุญอันนา (Church of St. Anne)
เชื่อว่าตรงนี้เป็นบ้านของนักบุญอันนา มารดาของแม่พระ และเป็นบ้านเกิดของแม่พระ
หลังจากที่พวกครูเสดพ่ายแพ้สงครามให้กับซาลาดิน และถูกขับไล่ออกไป ซาลาดินไม่ได้ทำลายวัด แต่เปลี่ยนเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1856 หลังสงครามครีมีนัส สุลต่านออตโตมานแห่งตุรกี ได้มอบอาคารหลังนี้ให้แก่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อตอบแทนที่ได้ช่วยทำสงคราม วัดหลังนี้จึงได้ถูกบูรณะใหม่ให้มีสภาพเดิม
ถัดจากวัดนักบุญอันนาไปทางทิศตะวันตกเเฉียงเหนือ เป็นซากสระน้ำเบเธสดา (Bethesda) หรือเบธซาธา (Beth-Zatha) ในสมัยพระวิหารหลังที่สอง หรือสมัยพระเยซูเจ้า สระนี้อยู่นอกกำแพงเมือง ใกล้กับประตูแกะ ที่เป็นทางเข้าไปยังพระวิหาร
สระนี้เป็นที่ชุมนุมของคนเจ็บไข้และคนพิการ ด้วยมีความเชื่อกันมาเป็นเวลานานว่า น้ำในสระนี้สามารถรักษาโรคได้ ต้องเฝ้าคอยเวลาที่ (เทวดาของพระเจ้าจะเสด็จมาที่สระน้ำและทำให้) น้ำกระเพื่อม คนแรกที่ลงไปในสระหลังจากน้ำกระเพื่อมก็จะหายป่วยไข้
และ ณ ที่นี้เองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนป่วยพิการมาแล้ว 38 ปี ให้หาย
2ที่กรุงเยรูซาเล็ม ใกล้กับประตูแกะ มีสระชื่อเป็นภาษาฮีบรูว่า เบเธสดา มีระเบียงล้อมรอบอยู่ห้าด้าน
3ตามระเบียงเหล่านี้ มีผู้เจ็บป่วยนอนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น คนตาบอด คนง่อย และคนเป็นอัมพาต
5ที่นั่น มีชายคนหนึ่งป่วยมาสามสิบแปดปีแล้ว
6พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขานอนอยู่ที่นั่น และทรงทราบว่าเขาป่วยมานาน จึงตรัสแก่เขาว่า'ท่านอยากจะหายไหม?'
7ผู้ป่วยนั้นตอบว่า 'ท่านขอรับ ไม่มีใครช่วยจุ่มข้าพเจ้าลงในสระเมื่อน้ำกระเพื่อม พอข้าพเจ้ามาถึง คนอื่นก็ลงไปก่อนแล้ว'
8พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่เขาว่า 'จงลุกขึ้น ยกแคร่ที่นอน และเดินไปเถิด'
9ชายผู้นั้นก็หายเป็นปกติทันที เขายกแคร่ที่นอน และเริ่มเดินไปวันนั้นเป็นวันสับบาโต
(ยน 5:29)
สระน้ำนี้ถูกทับถมด้วยสิ่งปรักหักพัง และทิ้งร้างมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี
ระยะหลังจึงได้มีการขุดค้น ก็พบว่าเป็นสระขนาดใหญ่ มีระเบียงรอบสี่ด้าน มีห้องอาบน้ำ แต่อยู่ลึกมากถึง 7 เมตรกว่า และยังมีระเบียงตัดผ่านกลาง ซึ่งตรงกับที่กล่าวถึงในพระวรสารของนักบุญยอห์น
ในสมัยไบเซนไทน์ และสมัยครูเสด คริสตชนถือว่าสระน้ำนี้เป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้มีการสร้างวัดขึ้นมาเพื่อระลึกถึงการหายจากโรค และยังระลึกถึงการบังเกิดของแม่พระด้วย |