ก้าวที่
51 : เส้นทางมหาทรมาน สถานที่ 1 - 2
สำหรับผู้แสวงบุญที่เป็นคริสตชน โดยเฉพาะคาทอลิกและออร์ธอร์ดอกซ์ กิจกรรมที่สำคัญที่สุด และมีความหมาย สมความตั้งใจมาแสวงบุญ คือการเข้ากรุงเยรูซาเล็ม และได้เดินตามเส้นทางมหาทรมาน หรือ มรรคาศักดิ์สิทธิ์
เส้นทางมหาทรมาน เป็นเส้นทางเริ่มจากจวนของ ปอนซีอัส ปีลาต ที่พระเยซูเจ้าถูกตัดสินประหารชีวิต ซึ่อยู่ในกำแพงเมืองเก่า ทางทิศตะวันออก และไปสิ้นสุดที่เขากัลวารีโอ ที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน สิ้นพระชนม์ และถูกฝังในคูหา ดังแสดงด้วยเส้นสีฟ้าในแผนผัง
การเดินแสวงบุญตามเส้นทางมหาทรมานนี้มีมาตั้งแต่สมัยแรกๆ ในช่วงที่ปลอดภัย ได้มีการกำหนดเส้นทาง และจุดสำคัญไว้ แต่ก็มีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะจุดเริ่มต้นที่เป็นจวนของปีลาตนั้น ยังมีความเห็นต่างกันในตำแหน่งปัจจุบัน แต่จุดสุดท้ายที่เป็นเนินหัวกะโหลกนั้น พระราชินีเฮเลนา มารดาจักรพรรดิคอนสแตนติน ได้มาสำรวจจุดไว้แน่นอนในปี ค.ศ. 333 และสร้างวิหารครอบเนินนี้ไว้ ชื่อวิหารพระคูหาศักดิ์สิทธิ์
มีบางจุดที่ไม่ได้กล่าวถึงในพระวรสาร เช่น พระเยซูเจ้าหกล้ม พระเยซูเจ้าพบพระมารดา และนางเวรอนีกาเช็ดพระพักตร์ แต่เป็นรูปแบบที่ใช้กันในแถบยุโรป และเมื่อนักแสวงบุญส่วนใหญ่มาจากยุโรป ก็เลยกำหนดจุดตามความคาดคะเนขึ้น
เราเข้าสู่เขตเมืองเก่ากรุงเยรูซาเล็มทางประตูสิงโต (Lion Gate) ทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของคนมุสลิม ผ่านวัดนักบุญอันนา เดินตามทางแคบๆ เงียบๆ ประมาณ 300 เมตร มาถึงจุดที่เป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม ชื่อ Al-Omariyyeh Madrasah มีกำแพงสูง ตรงนี้คือ จุดเริ่มต้น
มีแผ่นโลหะกลมที่มีเลข I (เลข 1 โรมัน) ตรงนี้คือ สถานที่ 1 พระเยซูเจ้าถูกตัดสินประหารชีวิต
13เมื่อปิลาตได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ได้สั่งให้นำพระเยซูเจ้าออกมาข้างนอกให้พระองค์นั่งบนบัลลังก์พิพากษาในสถานที่ที่เรียกว่า "ลานศิลา" ภาษาฮีบรูว่า กับบาธา
14วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลองปัสกา เวลาประมาณเที่ยงวัน ปิลาต กล่าวแก่ชาวยิวว่า "นี่แหละกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย"
15เขาเหล่านั้นร้องตะโกนว่า "เอาไป เอาไปตรึงกางเขน" ปิลาตถามเขาว่า "จะให้เราตรึงกางเขนกษัตริย์ของท่านหรือ?" บรรดาหัวหน้าสมณะตอบว่า "พวกเราไม่มีกษัตริย์อื่น นอกจากพระ-จักรพรรดิ"
16ปิลาตจึงได้มอบพระองค์ให้เขาเหล่านั้นนำไปตรึงกางเขน (ยน 19:13-16)
ทุกวันศุกร์ เวลาบ่าย 3 โมง พระสงฆ์คณะฟรังซิสกันจะนำขบวนแห่เพื่อระลึกถึงพระมหาทรมาน
เริ่มจากจุดนี้ไป
ภายใน โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม ชื่อ Al-Omariyyeh Madrasah
ณ ตำแหน่งที่เชื่อว่าเป็นจวนของปีลาต ที่มีชื่อว่า เปรโตรีอุม (Praetorium) ที่อยู่ในป้อมอันโตเนีย (Antonia Fortress)
"18เขาเหล่านั้นได้นำพระเยซูเจ้าจากบ้านของคายาฟาสไปยังจวนผู้ว่าราชการ (Praetorium) ขณะนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ คนเหล่านั้นไม่ ได้เข้าไปในจวน เพื่อมิให้เป็นมลทินแก่ตน จึงจะกินปัสกาได้" (ยน 18:38)
ป้อมอันโตเนีย มีบริเวณกว้างขวาง ล้อมรอบด้วยหอคอยสูงสี่มุม อยู่ติดกันเนินพระวิหาร ในปี ค.ศ. 70 ป้อมอันโตเนียถูกทำลายลงพร้อมกับพระวิหาร โดยกองทัพของตีตัส
ณ ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม เป็นอารามของนักบวชฟรังซิสกัน บนกำแพงมีป้ายวงกลม ที่นี่คือ
สถานที่ 2 พระเยซูเจ้าทรงรับแบกไม้กางเขน
เมื่อเข้าประตู มีวัดน้อยชื่อ วัดสวมมงกุฎหนาม (Chapel of Flagellation)
ภายในวัด
28เขาเปลื้องฉลองพระองค์ออก นำเสื้อคลุมสีม่วงแดงมาคลุมให้
29นำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร ให้พระองค์ถือไม้อ้อในพระหัตถ์-ขวา แล้วคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์ เยาะเย้ยพระองค์ว่า 'ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว! ขอทรงพระเจริญเทอญ'
30เขาถ่มน้ำลายรดพระองค์ ฉวยไม้อ้อฟาดพระเศียร
31เมื่อได้เยาะเย้ยพระองค์แล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมออกเสีย นำฉลองพระองค์สวมให้ดังเดิม แล้วจึงพาพระองค์ไปตรึงบนไม้กางเขน
(มธ 27:28-31)
ตรงกลางมีโดมเป็นภาพโมเสคเป็นรูปมงกุฎ
ทางซ้ายมือเป็น วัดพิพากษาประหารชีวิต (Chapel of Condemnation)
หลังพระแท่นมีภาพพระเยซูเจ้ารับแบกไม้กางเขน และปีลาตล้างมือในอ่าง
23ปิลาตถามอีกว่า 'เขาได้ทำผิดอะไร?' แต่ประชาชนร้องตะโกนดังยิ่งขึ้นว่า 'ให้เขาถูกตรึงกางเขน!'
24เมื่อปิลาตเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะวุ่นวายยิ่งขึ้น จึงเอาน้ำมาล้างมือต่อหน้าประชาชน กล่าวว่า 'ข้าพเจ้า ไม่ขอเกี่ยวข้องกับโลหิตของผู้นี้ เรื่องนี้เป็นธุระของท่าน'
25ประชาชนทุกคนตอบว่า 'ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเราและเหนือลูกหลานของเราเถิด!'
26แล้วปิลาตได้สั่งให้ปล่อยบารับบัสสั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า แล้วส่งพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน
(มธ 27:23-26)
ซ้ายและขวาเป็นรูปปั้นพระเยซูเจ้าสวมมงกุฎหนาม และรูปแบกกางเขน
เชิญพบคุณแดง
ตอนที่ 51 |